Everything about คนไทยจะอยู่อย่างไร

ชาวไทลื้อในอดีตประกอบอาชีพทางการเกษตร ทำไร่ ทำนา ขายใบยาสูบ และเลี้ยงสัตว์ แต่ในปัจจุบันชาวไทลื้อหันมาประกอบอาชีพทำการค้าขายกันมากขึ้น และค่อยๆ ปรับวิถีตนเองให้คล้ายๆ กับคนไทย ตามนโยบายวาทกรรมการสร้างชาติไทยในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.

บ้างก็อาจจะตอบว่า ความยั่งยืนคือการดูแลสิ่งแวดล้อม บ้างก็มองว่า ความยั่งยืนคือการทำสิ่งต่าง ๆ ในลักษณะที่ไม่ทำให้ทรัพยากรของโลกหมดไปหรือเสียหาย โดยเป็นการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและมีความเท่าเทียม หรือแม้กระทั่งการพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันให้คงอยู่เพื่อต่อยอดสู่อนาคตและตอบสนองต่อความต้องการของคนในปัจจุบัน โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง ซึ่งแต่ละคำตอบล้วน “ไม่ผิด”

ผู้จับตามองสหประชาชาติ - โครงการของสถาบันฮัตสัน นิวยอร์ก และศูนย์สถาบันกฎหมายตัวโรเพื่อสิทธิมนุษยชน

ชนเผ่าไทลื้อ เป็นกลุ่มของชาวไท ที่เคยอาศัยในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในประเทศจีน และอพยพไปยังประเทศลาว พม่า เวียดนาม และประเทศไทย ในช่วงอาณาจักรล้านนา จนอพยพเรื่อยมาจนถึงเชียงคำ จังหวัดเชียงราย 

ชนเผ่ามลาบรี หรือที่คนไทยคุ้นชินกับคำเรียก “ชนเผ่าผีตองเหลือง” โดยชื่อของชนเผ่ามาจากคำว่า มละ ที่แปลว่า “คน” และ บรี ที่แปลว่า “ป่า” จึงกลายเป็น “คนป่า” ชาวมละแต่เดิมมาจากชาติพันธุ์มองโกลอยด์ที่เป็นกลุ่มเร่ร่อนอพยพไปมา ก่อนที่จะอพยพมาอาศัยในประเทศลาว และในจังหวัดน่าน ของประเทศไทย โดยที่คนไทยเรียกว่าผีตองเหลือง เนื่องจากชนเผ่ามลาบรีมักทำที่พักอาศัยจากใบตองสีเขียว และเปลี่ยนที่พักอาศัยไปเรื่อยๆ จนทำให้เหลือไว้แต่ใบตองที่กลายเป็นสีเหลือง โดยไม่เห็นคนที่เคยพักอาศัย 

การป้องกันโรคเอดส์ มาลาเรีย และโรคติดต่ออื่น ๆ

คำบรรยายวิดีโอ, โลกร้อน : สหประชาชาติปล่อยวิดีโอไดโนเสาร์บุกเตือนมนุษย์ “อย่าเลือกการสูญพันธุ์”

ปัญหาที่กลุ่มชาติพันธุ์อาข่าพบเจอก็คล้ายคลึงกับชนเผ่าลีซอคือการที่พวกเขาพักอยู่อาศัยไกลจากแหล่งน้ำ เพราะชาวอาข่าเชื่อว่าแหล่งน้ำจะนำพาโรคภัยมาสู่พวกเขา จึงทำให้ขาดน้ำในการใช้สอย และรวมไปถึงพบกับปัญหาเด็กไร้โอกาสทางการศึกษา ขาดพ่อแม่ดูแล และมีฐานะยากไร้ ซึ่งปัญหานี้ก็พบได้ในเด็กและเยาวชนจากลุ่มชาติพันธุ์อื่นในไทยด้วยเช่นกัน 

บทความหลัก: คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

แล้วจะต้องทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะสามารถลดความไม่เท่าเทียมกันให้มากกว่านี้ เพื่อที่คนไทยทุกคนจะได้ประโยชน์จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ?

“ค่าไฟจะแพงไปถึงเมื่อไหร่ ?” และ “จะถูกลงกว่านี้ได้ไหม ?”

รศ.ดร.กุลยศ กล่าวว่า เขาเห็นด้วยว่ากรณีเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาวมีหลายประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ไม่เห็นด้วยในประเด็นที่ว่าเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำไม่คุ้มทุน

ปัญหาใหญ่ที่ชาวลาหู่หรือมูเซอต้องเผชิญมาอย่างยาวนานคือ “อคติทางชาติพันธุ์” เนื่องด้วยแต่ก่อนพวกเขาเคยทำการปลูกและค้าขายฝิ่น ยาสูบ ตลอดจนพืชที่เป็นสารเสพติด เป็นพื้นที่เส้นทางชายแดนแห่งการค้าสารเสพติด ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนไปเป็นการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ และมีการทำลายเส้นทางการค้ายาเสพติดไปได้มากแล้ว แต่ภาพจำและอคติของความเป็นชนเผ่าในไทยที่เฟื่องฟูไปด้วยยาเสพติดนี้เองทำให้เป็นที่จับตาของรัฐบาลไทยเรื่อยมา 

อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตัวแกนคำสอนของโรมันคาทอลิกยังอยู่เหมือนเดิม แต่เขาปรับท่าที คุณพ่ออนุชา ไชยเดช ผู้ช่วยเลขาธิการสภาพระสังฆราชฯ ฝ่ายสื่อสารสังคม คนไทยจะอยู่อย่างไร และเลขาธิการคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อสื่อมวลชน เคยกล่าวไว้ว่า “ศาสนจักรปรับนะ แต่ไม่ได้เปลี่ยน” ดังนั้นถ้าบางแก่นของศาสนาถูกบอกว่าเป็นอนุรักษนิยม ก็คือเป็นอนุรักษนิยม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *